One Day Trip คามาคุระ (Kamakura) และ เอโนชิมะ (Enoshima) จากโตเกียวโดยรถไฟ Enoshima-Kamakura Freepass
มาเที่ยวโตเกียวทั้งที แต่ดันไม่ใช่สายเที่ยวในเมือง ก็ต้องจัด One day trip สถานที่ธรรมชาติใกล้โตเกียวซะหน่อย 🏖 ที่นี่มีกลิ่นของทะเลผสมผสานกับวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ยาวนาน เลยขอแนะนำเมืองคามาคุระ (Kamakura) และเกาะเอโนชิมะ (Enoshima) จังหวัดคานางาวะ (Kanagawa) อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว มีรถสาธารณะเดินทางง่ายมากและราคาไม่แพง แต่ข้อเสียที่สำคัญเลย เนื่องจากอยู่ใกล้โตเกียว ดังนั้นคนมหาศาลแน่นอน ขนาดเราที่ไปวันศุกร์ เป็นวันธรรมดา คนยังมหาศาลเลย ถ้าเสาร์อาทิตย์หรือช่วงวันหยุด น่าจะไม่มีที่เดินกันเลยทีเดียว แต่ก็คุ้มค่าที่ได้มานะ แล้วก็อยากแนะนำให้มา😄
เมืองคามาคุระ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโตเกียว ใช้เวลาเดินทางโดยรถไฟประมาณหนึ่งชั่วโมง เป็นเมืองเก่าที่มีวัฒนธรรมมาหลายร้อยปี ตั้งอยู่ติดภูเขาและทะเล มีชายหาดกว้าง มีรถไฟสาย Enoden Line 🚃 รถไฟสุดน่ารักแสนคลาสสิค ที่จะใช้เป็นการเดินทางหลักในเมืองนี้ และยังเป็นที่ตั้งของ “พระใหญ่ไดบุตซึ” พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของ ญี่ปุ่น ด้วยความสูง 13.35 เมตร
🏝 สำหรับเกาะเอโนชิมะ (Enoshima) เป็นเกาะเล็กๆ อยู่ห่างไม่ไกลจากฝั่ง มีสะพานเดินข้ามไปได้ด้วยระยะทางประมาณ 400 เมตร เกาะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ธรรมชาติ และยังมีศาลเจ้า เกาะนี้คนไทยอาจจะคุ้นหูด้วยคำว่า เกาะแมว 🐱 นั่นเพราะมีจำนวนประชากรแมวเยอะ แต่ตอนเราไปไม่เจอน้องสักตัวเลย อาจจะเพราะน้องไม่น่าอยู่ตรงที่มีคนหรือใกล้แหล่งท่องเที่ยว ถ้าอยากหาน้องคงต้องเดินออกไปไกลจากผู้คน
เราซื้อตั๋ว Enoshima-Kamakura Freepass ที่ Odakyu Sightseeing Service Center ตรงสถานีรถไฟชินจูกุ ตั้งอยู่ตรงชั้น 1 เป็นตั๋วที่เราแนะนำเลยสำหรับใครที่พักใกล้สถานีรถไฟชินจูกู เพราะตั๋วนี้ครอบคลุมกันเดินทางจากโตเกียวไปคามาคุระ (ไปกลับ 1 ครั้ง) และการใช้รถไฟท้องถิ่นสาย Enoden Line (กี่รอบก็ได้) ตั๋วรถไฟมีราคา 1,640 เยน
หลังจากได้ตั๋ว ก็เดินตามป้ายที่เขียนว่า Odakyu Line เพื่อไปที่ชานชาลารถไฟของสายนี้ แล้วจะรู้ได้ไงว่าเราขึ้นชานชาลาไหน? ก็ให้มองหาบอร์ดรถไฟ แล้วให้ดูที่เขียนว่าไปสถานีฟูจิซาวะ (Fujisawa) นั่นคือ ตั๋วที่เราซื้อมาจะ ✅ นั่งรถไฟจากสถานีชินจูกูไปสถานีฟูจิซาวะ โดยใช้สายโอดะคิว (Odakyu Line)
จากบอร์ดจะเห็นว่าเป็นชานชาลาที่ 5 รถไฟประเภท Rapid express ไปลงที่สถานีรหัส OE13 คือ สถานีฟูจิซาวะ เวลาออกเดินทาง 10:10 มีจำนวนตู้รถไฟ 10 ตู้ รถไฟประเภทนี้จะไม่มีการจองที่นั่ง เราจะนั่งตรงไหนก็ได้ที่มีที่ว่าง รถไฟจะเหมือนบีทีเอสบ้านเราเลย มีที่นั่งไม่เยอะ ถ้าได้ยืน ยาวแน่ๆ
พอมาถึงสถานีฟูจิซาวะ (Fujisawa) ให้เดินออกมาจากอาคารที่รถไฟจอด แล้วให้เดินไปอาคารข้างๆ โดยตามป้ายที่เขียนว่า Enoden Line ซึ่งจะอยู่คนละอาคารกัน การเดินทางในเมืองนี้จะนั่งรถไฟสาย Enoden Line ทั้งหมด ✅ ซึ่งบัตรที่เราซื้อมาจากสถานีรถไฟชินจูกุ สามารถใช้ขึ้นลงกี่รอบก็ได้ ราคารวมแล้ว
ทำอะไรดีใน 1 วัน ที่คามาคุระ
วัดโคโตกูอิง (Kotokuin Temple) “ไดบุทสึ” (Daibutsu)
เริ่มจากนั่งรถไฟ Enoden Line จากสถานีสถานีฟูจิซาวะ (Fujisawa) ไปลงสถานีฮะเซะ (Hase Station) นั่งรถไฟยาวๆ เลย แอบกระซิบบอกให้นั่งทางขวา เพราะเห็นวิวชายหาด ถ่ายรูปสวยๆได้ด้วย พอถึงสถานีฮะเซะ ก็เดินต่อประมาณไม่เกิน 10 นาที เพื่อเดินไปวัดโคโตกูอิง มีค่าเข้าคนละ 300 เยน จะได้ตั๋วแบบที่คั่นหนังสือ ข้างในเป็นลานกว้างๆ มีร้านขายของที่ระลึก และมีพระใหญ่ตั้งให้สักการะ
ร้าน KANNON COFFEE kamakura
ก่อนไปสถานีต่อไป เราก็แวะร้านยอดนิยม เพื่อไปกิน Daibutsu Crepe เป็นเครปผลไม้ตามฤดูกาล เอกลักษณ์คือมีคุกกี้รูปพระใหญ่เสียบในเครปที่มีขายเฉพาะเมืองคามาคุระ เป็นเครปที่ออกแบบคล้ายไอติม ถือจับทานง่าย ราคา 980 เยน รสชาติสำหรับเราไม่ได้ว้าว แต่ก็ไม่ได้แย่ ถือว่าอร่อย ทานได้หมด ไม่หวานไป จุดเด่นของเครป คือ ความน่ารักและมีคุกกี้รสพระธรรม 😆
ถนนคนเดินโคมาจิโดริ (Komachi Dori Street)
จากสถานีฮะเซะ (Hase Station) นั่งไปต่อที่สถานีคามาคุระ (Kamakura) สถานีนี้มีถนนสายกินตลอดทาง เพราะมีร้านค้าตั้งเรียงอยู่มากมาย คนคึกคัก หนาแน่นมาก ทางเข้าถนนคนเดินจะมีเสาโทริอิแดง
สถานีรถไฟคามาคุระ โคโค มาเอะ (Kamakura koko mae)
ใครเป็นแฟนการ์ตูนอย่าง Slam Dunk ก็จะต้องคุ้นตาฉากนี้ ที่มีรถไฟสีเขียวเล่นผ่านตัดกับฉากที่มีทะเลอยู่ด้านหลังและถนนสำหรับรถด้านหน้า เป็นจุดยอดนิยมสำหรับคนมาถ่ายรูปเลย 📸 ตอนเราไปคนมารอถ่ายรูปเยอะมากกกกก ถ่ายค่อนข้างยากเลย เพราะจำนวนคนเยอะ และเราไม่สามารถเดินข้ามถนนถ่ายรูปให้สวยได้ เพราะขัดขวางการจราจร ที่ตรงนี้จะมีเจ้าหน้าที่ 2 คน เข้มงวดมาก เราขอแนะนำให้ผ่าน ไม่ต้องแวะก็ได้ เพราะได้รูปดีๆ สวยๆ ยากมาก เราเสียเวลาตรงนี้นานมาก กว่าจะรอรถไฟผ่าน กว่าจะได้รูปสวยๆ จะหมดวันพอดี พลาดมากๆ
เกาะเอโนชิมะ (Enoshima)
นั่งสถานีย้อนกลับมาลงที่สถานีรถไฟเอโนชิมะ จากนั้นก็เดินต่อจากสถานีรถไฟไปเกาะประมาณ 800 เมตร มีสะพานให้ข้ามเดินได้สบายเลย ตรงส่วนทางเท้ากับทางรถ แยกจากกันชัดเจน ถ้าวันไหนวิวดีๆ ทางขวาเราจะเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ แต่ตอนเราไป ไม่เห็นอะไร เห็นแต่เงาๆ สามเหลี่ยมของภูเขา 🏔 ในเกาะนี้เราไม่ได้ทำอะไรเท่าไรเลย เพราะมาก็เย็นมากแล้ว กินข้าวเย็นเสร็จ ออกมา มืดเลย ร้านปิดหมดแล้ว อดจ้า ดังนั้นแนะนำให้วางแผนกันมาดีๆ นะ เราเสียเวลากับการถ่ายรูปก่อนหน้านี้มาก
ทานข้าวร้าน Tobiccho
หากมาเที่ยวเกาะนี้แล้วต้องลองทาน ปลาชิราสุ หรือ ปลาข้าวสาร เป็นปลาขึ้นชื่อของเกาะแห่งนี้ มักถูกใส่อยู่ในทุกเมนู หาทานง่ายมากๆ ทั้งอยู่บนข้าวหน้าต่างๆ อยู่ในเบอร์เกอร์ รสชาติของปลาตัวนี้ เราไม่ได้รู้สึกถึงรสอะไรเลย แต่มีสัมผัสที่นุ่ม เคี้ยวได้เพลินๆ อยู่ หาทานได้ง่ายทั่วไปในเกาะนี้
ลองชิม Tako Senbei เซมเบ้ปลาหมึก
เมนูนี้สามารถหากินได้ที่เมืองอื่น แต่ถ้าแวะมาเกาะนี้แล้ว จะลองชิมก็ได้นะ เพราะก็มีรสชาติเฉพาะของเกาะนี้อยู่ นั่นคือ ปลาชิราสุ สำหรับรสชาติจะเค็มๆตรงแป้ง และเหนียวๆ ตรงเนื้อ ทานคู่กับเบียร์น่าจะดี
🚞 จากนั้นเราก็นั่งรถไฟกลับไปที่สถานีฟูจิซาวะ (Fujisawa) เพื่อนั่งรถไฟสาย Odakyu Line กลับไปสถานีรถไฟชินจูกุในโตเกียว รถไฟมีหลายรอบ ตอนเรากลับ ก็ดึกแล้วประมาณ ทุ่มกว่าๆ นั่งสบายเลย
ก่อนกลับเข้าที่พักแวะ Shinjuku Omoide Yokocho
เป็นซอยไม่กว้าง อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถชินจูกุ เป็นย่านของร้านอาหารประเภทอิซาคายะ (Izakaya) คือ เป็นแนวบาร์ฉบับญี่ปุ่นที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารทานคู่กัน ขาดื่มต้องมา มีหลายร้านให้เลือกเลย เราไม่มีร้านอะไรจะแนะนำ แต่ถ้าร้านที่เราไปจะชื่อ Sumibi Kushi Yaki ~ Kappe-tei