บันทึกการเดินทางรอบยุโรปของผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ
ตอนที่ 14 Hamburg, Germany (ฮัมบูร์ก, เยอรมัน)
44 วัน 20 เมือง 16 ประเทศ
ตอนที่ 14 จาก 17
สารบัญของบันทึก
1. เตรียมความพร้อม2. Barcelona, Spain (บาร์เซโลน่า, สเปน) [3 คืน]
3. Nice, France & Monaco (นีซ, ฝรั่งเศส และราชรัฐโมนาโก) [3 คืน]
4. Milan, Italy & Lugano Switzerland (มิลาน, อิตาลี และลูกาโน่ สวิสเซอร์แลนด์) [2 คืน]
5. Venice, Italy (เวนิส, อิตาลี) [2 คืน]
6. Ljubljana & Bled, Slovenia (ลูบลิยานา และเบลด, สโลวีเนีย) [3 คืน]
7. Zagreb, Croatia (ซาเกร็บ, โครเอเชีย) [2 คืน]
8. Budapest, Hungary (บูดาเปสต์, ฮังการี) [3 คืน]
9. Vienna, Austria & Bratislava, Slovakia (เวียนนา, ออสเตรีย และบราติสลาวา, สโลวาเกีย) [3 คืน]
10. Prague, Czech Republic (ปราก, สาธารณรัฐเช็ก) [4 คืน]
11. Kraków, Poland (คราคูฟ, โปแลนด์) [6 คืน]
12. Morskie Oko, Zakopane, Poland (ทะเลสาบมอร์สเกี๊ยะโอโกะ สโกเปีย, โปแลนด์) [0 คืน]
13. Berlin, Germany (เบอร์ลิน, เยอรมัน) [3 คืน]
14. Hamburg, Germany (ฮัมบูร์ก, เยอรมัน) [3 คืน]
15. Amsterdam, Netherlands (อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์) [2 คืน]
16. Antwerp, Belgium (แอนต์เวิร์ป, เบลเยี่ยม) [2 คืน]
17. Luxembourg City, Luxembourg (ลักเซมเบิร์ก, ราชรัฐลักเซมเบิร์ก) [2 คืน]
อยากให้อ่านก่อน
บันทึกนี้เล่าโดย K.Natri เป็นการเล่าจากประสบการณ์ตรงของเราเอง โดยการเล่าเรื่องได้ใช้ความรู้สึก ความคิดเห็นของเราแต่งเติมเข้าไปในเนื้อหา เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่าเรื่อง นอกจากนี้เราได้รวบรวมข้อมูลบางส่วนที่ได้มาจากการอ่านในเว็บไซต์ต่างๆ ตามบอร์ดในสถานที่จริง และจากการฟังมาจากไกด์ รวมทั้งคนท้องถิ่น เพื่อนำมาบรรยายให้ดูมีความรู้ขึ้น 😁
สำหรับการท่องเที่ยวยุโรปครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของเราเลยที่ได้เที่ยวประเทศในยุโรป (ไม่รวมฝรั่งเศสที่มาเรียนต่อในยุคโควิด) และเป็นการเดินทางคนเดียวตั้งแต่ครั้งแรกเลย ดังนั้นเรายังไม่มีประสบการณ์ท่องเที่ยวในยุโรปดี แต่เราพยายามเก็บทุกที่ที่ไปได้และอยากไป เพราะไม่รู้จะมีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้อีกเมื่อไร สำหรับทริปนี้เราไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวช่วงตอนกลางคืน เราเป็นแค่ผู้หญิงเอเชียตัวเล็กคนเดียว ยังไม่กล้ามากพอ ขอเซฟตัวเองก่อนนะ และในทริปนี้เราพยายามเลือกไปสถานที่ธรรมชาติมากกว่าสายมิวเซียม เพราะเป็นคนไม่อินกับมิวเซียมและศิลปะนัก ค่อนข้างแนวสายลุยๆ มากกว่า 💚
มุ่งสู่ Hamburg จาก Berlin
เที่ยวชมอีกเมืองในเยอรมัน กับเมือง Hamburg เป็นเมืองท่าเรือสำคัญทางตอนเหนือของเยอรมัน ท่าเรือมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของยุโรป🚢 เป็นเมืองที่มีคลองหลายคลองมาก สถานที่ที่เราชอบมากที่สุดของเมืองนี้ คือ มีพื้นที่สวนขนาดใหญ่ริมทะเลสาบ Binnenalster ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเลย บริเวณรอบๆ จะมีของกินขาย เหมาะกับการซื้อของ มานั่งกินตรงขั้นบันไดริมทะเลสาบ ชิวๆ เลย ถ้าลมไม่แรงมากนะ ตอนเราไปนั่งกินไอศกรีม จะกินผมไปด้วยเลย ลมแรงเกิ๊น💨
เรานั่งรถไฟใช้ Eurail Pass จากสถานี Berlin Hbf ตอน 11:38 น. ถึงสถานี Hamburg HBF ตอน 13:24 น. ใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมง 46 นาที ขบวนสายนี้ไม่ต้องจองที่นั่ง เรานั่งสบายมากๆ ไม่ค่อยมีคนเลย วางกระเป๋าได้เต็มที่ เมืองนี้เป็นเมืองที่เราใช้ชีวิตชิวๆ ไม่ได้ทำไรมาก เน้นตื่น นอน กิน ชม เพราะเรามาช่วงวันอาทิตย์ด้วย เป็นวันที่บ้านเมืองปิดสงบ เงียบเชียว ต่างกับที่ไทยที่วันอาทิตย์คนจะคึกคัก แต่ประเทศแถบนี้เมืองส่วนใหญ่ วันอาทิตย์ร้านจะปิดเกือบหมด
เราพักที่ไหนใน Hamburg
ที่พักโฮสเทลใน Hamburg มีตัวเลือกน้อยมาก และก็มีราคาสูง เราไม่มีทางเลือก เลยต้องมาพักในเครือ a&o ซึ่งเราไม่ชอบพักของเครือนี้เลย เคยบ่นให้ฟังในตอนที่ 5 ที่เวนิสไปแล้ว แต่ก็ต้องมาพัก ของที่เมืองนี่จะชื่อว่า a&o Hamburg Hauptbahnhof เราพัก 3 คืน จากวันที่ 23 ถึง 26 เมษายน ราคารวมภาษี 80.2 Euro แบบ Female dorm 6 เตียง แล้วเช่าค่าผ้าปูนอนอีก 3.5 Euro อันนี้จะเช่าหรือไม่เช่าก็ได้
ห้องน้ำมีอยู่ในห้องนอนเลย และสะอาดตามสไตล์ของเครือ a&o ส่วนห้องกลางสำหรับครัวที่นี่ ไม่มีให้ใช้ แต่มีห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ ซึ่งจะเปิดเฉพาะตอนเช้า สำหรับคนที่จ่ายค่าอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ 👉ที่พักเครือ a&o เนี่ย เราพักแล้ว รู้สึกว่าจะอารมณ์คล้ายที่พักที่มักจะมีคณะครูนักเรียน หรือผู้คนที่มาจัดงานประชุม มาจัดงานต่างๆ หรือทัวร์อะไรทำนองนี้ เราเลยว่ามันไม่เหมาะกับนักเดินทางตัวคนเดียว และค่อนข้างวุ่นวายในบางครั้ง
เราไปไหนมาบ้างใน Hamburg
Hamburg HBF สถานีรถไฟกลาง ด้านในสถานีรถไฟมีของกินขายเยอะมากๆ วันอาทิตย์ในเมืองร้านจะปิดเกือบหมด ให้มาหาของกินที่สถานีรถไฟได้เลย ของกินหลากหลายมากทั้งเอเชียและตะวันตก มีทั้งแบบนั่งในร้านได้และนั่งไม่ได้
เราขอแนะนำให้ซื้อ currywrust กิน ชื่อร้าน CKTs Hamburg Hauptbahnhof ราคา 3 Euro อยู่ด้านนอกสถานีรถไฟ เป็นร้านใน Food Truck อร่อยมากกกก😋
Spitalerstraße เราไปเป็นที่แรกเลย อยู่ย่าน Altstadt เป็นถนนทางเท้า ล้อมรอบไปด้วยแหล่งช้อปปิ้ง และร้านอาหารใจกลางเมือง ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับสถานีรไฟกลางมาทางทิศตะวันตก แถวนี้มีร้านขายพิซซ่าของอิตาลีแบบแบ่งขาย ราคา 3.5 Euro ต่อชิ้น รสชาติโอเคเลย ประหยัดเงินได้จากร้านนี้ เราจำชื่อร้านไม่ได้ แต่อยู่แถวตรงลานโต๊ะนั่ง พอซื้อแล้วก็มานั่งกินตรงลานโต๊ะนั่งได้
Hamburg City Hall หรือ Rathaus ศาลากลางของรัฐบาลฮัมบูร์ก สามารถเดินเข้าชมด้านในได้ฟรีในชั้นแรกเลย
ด้านในของศาลากลาง มีบอร์ดป้ายข้อมูล และบันไดเก๋ๆ ให้ถ่ายรูป
ส่วนด้านหน้าศาลากลางเป็นลานกว้างๆ มีร้านค้า และที่ให้นั่ง
Binnenalster ทะเลสาบเทียมภายในเขตของเมือง มีที่นั่งเป็นขั้นบันไดริมทะเลสาบ บรรยากาศดีมากๆ เราซื้อไอศกรีมมานั่งกิน คิดอะไรไปเรื่อยๆ
The Composers Quarter Hamburg เราเดินจากทะเลสาบมาเรื่อยๆ ประมาณ 15 นาที บริเวณนี้เป็นการรวมตัวของพิพิธภัณฑ์หกแห่ง ตอนที่เราไปทุกอย่างปิดหมด เพราะเป็นวันอาทิตย์ แต่สามารถเข้าด้านในได้ฟรี มีมุมให้ถ่ายรูปกับตึกสวย
Große Wallanlagen เดินต่อมาจะเจอสวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่มีกำแพงเมืองเก่า มีทะเลสาบที่มีน้ำพุ
St. Michael's Church เราไม่ได้เข้าชมวิวด้านบน เพราะเสียเงิน แต่ด้านล่างเราเข้าได้ฟรี
Johannisbollwerk และ Vorsetzen สองถนนคนเดินที่ต่อกัน ตั้งอยู่เรียบขนานท่าเรือ เราไปวันอาทิตย์ บริเวณนี้จะคึกคักมาก มีร้านขายของกิน ผู้คนเยอะแยะเลย ต่างกับในเมือง ที่เงียบกริบ😶
Alter Elbtunnel เราไปเดินดูเล่นๆ มันเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเชื่อมระหว่างใจกลางเมืองฮัมบูร์กกับท่าเทียบเรือและอู่ต่อเรือทางด้านใต้ของแม่น้ำ Elbe ใช้สำหรับคนเดินและพวกยานพาหนะขนาดเล็ก อย่างจักรยานหรือสกู๊ตเตอร์ ตอนลงไปอุโมงค์เราเดินบันไดลงไป สูงมากกกกก ประมาณ 24 เมตร กว่าจะเดินลงไปถึง เดินวนจนเวียนหัว ขาขึ้น ไม่เดินบันไดแน่นอน ตายแน่ๆ ก็ขึ้นลิฟต์ไป
Mahnmal St. Nikolai ถ่ายภาพโบสถ์ยากมากๆ ต้นไม้บังไปหมดเลย ข้างในจะมีลิฟต์ขึ้นไปจุดชมวิวบนหอคอยของโบสถ์ ราคาปกติ 5 Euro รวมจุดชมวิวบนหอคอยและพิพิธภัณฑ์
Haus der Seefahrt มาถ่ายภาพเก๋ๆ กับตึกอาคารสวยๆ
สถานที่อยากแนะนำ นอกเหนือจากที่เราไป
เราไม่มีสถานที่อะไรแนะนำในเมือง Hamburg แล้ว แต่แนะนำให้ One day trip ไปเมืองใกล้ๆ อย่าง Lübeck, Schwerin หรือ Bremen
ค่าใช้จ่าย
ที่พัก 3 คืน 83.7 Euro (3,029 บาท)
ค่ากิน 40.51 Euro (1,466 บาท)
*ไม่รวม Eurail Pass ที่เหมาจ่ายไป 356 Euro
** ใช้เรท 36.2 บาท ต่อ Euro
สิ่งที่อยากบอก
- ที่พักในเครือ a&o จะไม่มีผ้าปูเครื่องนอนให้ ต้องจ่ายเพิ่มอีก 3.5 Euro
- วันอาทิตย์ตัวเมืองจะเงียบสงบ ร้านปิดเกือบหมด ถ้าจะหาของกินต้องไปสถานีรถไฟ หรือไปที่ผู้คนคึกคักมีของกินด้วย จะเป็นบริเวณท่าเรือ
ติดตามต่อได้ในตอน Amsterdam, Netherlands (อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์)