บันทึกการเดินทางรอบยุโรปของผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ ตอนที่ 12 Morskie Oko, Zakopane, Poland (ทะเลสาบมอร์สเกี๊ยะโอโกะ สโกเปีย, โปแลนด์)

บันทึกการเดินทางรอบยุโรปของผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ 
ตอนที่ 12 Morskie Oko, Zakopane, Poland (ทะเลสาบมอร์สเกี๊ยะโอโกะ สโกเปีย, โปแลนด์)
44 วัน 20 เมือง 16 ประเทศ

ตอนที่ 12 จาก 17

สารบัญของบันทึก 

1. เตรียมความพร้อม
2. Barcelona, Spain (บาร์เซโลน่า, สเปน) [3 คืน]
3. Nice, France & Monaco (นีซ, ฝรั่งเศส และราชรัฐโมนาโก) [3 คืน]
4. Milan, Italy & Lugano Switzerland (มิลาน, อิตาลี และลูกาโน่ สวิสเซอร์แลนด์) [2 คืน]
5. Venice, Italy (เวนิส, อิตาลี) [2 คืน]
6. Ljubljana & Bled, Slovenia (ลูบลิยานา และเบลด, สโลวีเนีย) [3 คืน]
7. Zagreb, Croatia (ซาเกร็บ, โครเอเชีย) [2 คืน]
8. Budapest, Hungary (บูดาเปสต์, ฮังการี) [3 คืน]
9. Vienna, Austria & Bratislava, Slovakia (เวียนนา, ออสเตรีย และบราติสลาวา, สโลวาเกีย) [3 คืน]
10. Prague, Czech Republic (ปราก, สาธารณรัฐเช็ก) [4 คืน]
11. Kraków, Poland (คราคูฟ, โปแลนด์) [6 คืน]
12. Morskie Oko, Zakopane, Poland (ทะเลสาบมอร์สเกี๊ยะโอโกะ สโกเปีย, โปแลนด์) [0 คืน]
13. Berlin, Germany (เบอร์ลิน, เยอรมัน) [3 คืน]
14. Hamburg, Germany (ฮัมบูร์ก, เยอรมัน) [3 คืน]
15. Amsterdam, Netherlands (อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์) [2 คืน]
16. Antwerp, Belgium (แอนต์เวิร์ป, เบลเยี่ยม) [2 คืน]
17. Luxembourg City, Luxembourg (ลักเซมเบิร์ก, ราชรัฐลักเซมเบิร์ก) 
[2 คืน]

อยากให้อ่านก่อน

บันทึกนี้เล่าโดย K.Natri เป็นการเล่าจากประสบการณ์ตรงของเราเอง โดยการเล่าเรื่องได้ใช้ความรู้สึก ความคิดเห็นของเราแต่งเติมเข้าไปในเนื้อหา เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่าเรื่อง นอกจากนี้เราได้รวบรวมข้อมูลบางส่วนที่ได้มาจากการอ่านในเว็บไซต์ต่างๆ ตามบอร์ดในสถานที่จริง และจากการฟังมาจากไกด์ รวมทั้งคนท้องถิ่น เพื่อนำมาบรรยายให้ดูมีความรู้ขึ้น 😁

สำหรับการท่องเที่ยวยุโรปครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของเราเลยที่ได้เที่ยวประเทศในยุโรป (ไม่รวมฝรั่งเศสที่มาเรียนต่อในยุคโควิด) และเป็นการเดินทางคนเดียวตั้งแต่ครั้งแรกเลย ดังนั้นเรายังไม่มีประสบการณ์ท่องเที่ยวในยุโรปดี แต่เราพยายามเก็บทุกที่ที่ไปได้และอยากไป เพราะไม่รู้จะมีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้อีกเมื่อไร สำหรับทริปนี้เราไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวช่วงตอนกลางคืน เราเป็นแค่ผู้หญิงเอเชียตัวเล็กคนเดียว ยังไม่กล้ามากพอ ขอเซฟตัวเองก่อนนะ และในทริปนี้เราพยายามเลือกไปสถานที่ธรรมชาติมากกว่าสายมิวเซียม เพราะเป็นคนไม่อินกับมิวเซียมและศิลปะนัก ค่อนข้างแนวสายลุยๆ มากกว่า 💚

One day trip จาก Kraków ไปทะเลสาบ Morskie Oko


เราเชื่อว่าหลายๆ คน ไม่รู้จักสถานที่แห่งนี้แน่นอน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับ Morskie Oko กันก่อน เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดและลึกที่สุดเป็นอันดับสี่ในเทือกเขา Tatra ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 1,395 เมตร อยู่ในอุทยานแห่งชาติ Tatra National Park ในส่วนหุบเขา Rybi Potok ทางตอนใต้ของโปแลนด์ ซึ่งเทือกเขานี้เป็นเทือกเขาพรหมแดนระหว่างโปแลนด์และสโลวาเกีย มีสถานที่หลายแห่งให้ได้เยี่ยมชม สำหรับ Morskie Oko เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของเทือกเขานี้ การเดินทางในเทือกเขานี้ จะต้องเดินทางโดยเท้า และรถม้าเท่านั้น ซึ่งรถม้าจะไม่ได้ส่งถึงสถานที่ท่องเที่ยวเลย จะต้องมีเดินเท้าเข้าไปอีกประมาณเกือบสองกิโลเมตร
วันนั้นที่เราไปทะเลสาบแห่งนี้ เป็นวันที่เราสนุกมากๆ สนุกที่สุดของทริปนี้เลย และยิ่งไปกว่านั้นเป็นสถานที่ที่เราประทับใจมากที่สุด สวยที่สุดจากทั้งหมดที่เคยไปเที่ยวมาในชีวิตนี้เลย ฟังเวอร์ไปมะ 😂55555 แต่มันสวยจริงๆ แล้วยิ่งไม่คาดคิดว่าจะเจอหิมะ และทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็งอยู่เลย มันแบบประทับใจมาก ไม่เคยเจอวิวแบบนี้มาก่อนในชีวิต แต่ก็แอบทรมาน เพราะเสื้อผ้าเราไม่ได้เตรียมตัวมาสำหรับเดินเขาและมาเจอหิมะ แล้วยังมีหิมะตกอีก⛄ เสื้อผ้าที่เราใส่อารมณ์ไปเดินเล่นในเมืองเลย นี่ถ้าเราไปคนเดียวนะ ตายกลางเขาแน่ๆ แต่โชคดีเราได้เพื่อนร่วมทริป เป็นหนุ่มฮ่องกงที่พักที่เดียวกัน จริงๆ เราคุยกันคืนวันนั้น แล้วเช้าวันต่อไปก็ไปกันเลย เลยไม่ได้มีการเตรียมตัวข้อมูลสักเท่าไร เลยไม่รู้ว่ามันยังมีหิมะอยู่! นึกว่าอากาศอุ่นๆ แล้ว เพราะตอนเราไปมันเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่ไม่เลย ทะเลสาบยังเป็นน้ำแข็ง หิมะก็ยังมีหนาบางจุด แล้วก็ยังมีหิมะตกด้วย 

เราเดินทางจากที่พักไป Kraków MDA station พอมาถึงปุ๊บ คือ งงเลยจ้า ไปทางไหนเนี่ย เพราะไม่ได้ศึกษารายละเอียดเชิงลึกมาก่อน กะมาแบบตายเอาดาบหน้าเอา สนุกๆ ไรงี้ 5555 ก็มองหาตารางเวลารถเลย ก็เห็นว่ามีรอบ 8.30 น. ที่ Platform G18 สำหรับไปเมือง Zakopane พวกเราก็รีบวิ่งหารถ เสียเวลาหาสักพักเลย สรุปมันอยู่ชั้นสอง ทันขึ้นรถบัส 8 โมงครึ่งพอดี เกือบไป ถ้ารอบต่อไปก็รอเป็นชั่วโมงเลย เราจ่ายเงินสด 28 zł กับคนขับเลย แล้วก็นอนยาวๆ😴 จนมาถึงสถานีรถบัสของ Zakopane ประมาณ 11 โมงได้ 

มาถึงเมือง Zakopane แล้ว ก็เริ่มจากเดินหาข้าวเที่ยงก่อน หาซื้อขนมน้ำไว้พกติดตัว และเข้าห้องน้ำอะไรให้เรียบร้อยก่อนเดินเขา เพราะใช้เวลาเดินเขานาน เราก็เดินๆหาห้องน้ำ หาไม่ได้สักที จนหนุ่มฮ่องกงบอกว่าไปเข้าที่ McDonald's กัน เออใช่ ก็เดินตามกูเกิ้ลเมพมา จนเข้ามาตัวเมือง Zakopane และมันมีตลาด Easter Market ดีงามมากๆ เดินหาอะไรกินก่อนเลย หิมะก็มีตกเป็นระยะๆ ไม่คิดว่าจะมาเจอหิมะในช่วงกลางเดือนเมษายนแล้ว
พวกเราเดินไปเจอ Local food ในตลาด มีที่ให้นั่งหน้าร้านด้วย แล้วเห็นว่าน่ากินและราคาไม่น่าแพง ก็เลยสั่งทุกอย่าง ยกเว้นเฟรนช์ฟรายส์ ราคารวม 25 zł ถูกมาก ได้มา 3 อย่าง อร่อยมาก แนะนำต้องลองมากินสักครั้งดู คือ Placki ziemniaczane หรือ Potato pancake เราราดซอสปาปริก้า, Oscypek smoked sheep cheese grilled with cranberry sauce และ Moskol หรือ Potato flatbread มีกระเทียมบดด้านบน 😋
หลังจากอิ่ม เข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับมาสถานีรถบัสของ Zakopane จะมี Mini bus คันสีเหลือง ก็ขึ้นไปนั่งรอได้เลย นั่งไม่นาน รถก็ออก เราจ่ายเงินสดตอนลง 15 zł รถมาจอดถึงจุดเริ่มต้นเดินเขา ที่เรียกว่า Entry point to TPN - Palenica Białczańska บริเวณนี้เป็นลานจอดรถกว้างๆ ใครจะขับรถมาเอง จอดที่นี่ก็ได้  ใช้เวลานั่งประมาณ 35 นาที
จะมีค่าเข้าอุทยานอยู่ที่ 8 zł ใช้บัตรจ่ายได้
บริเวณป้อมที่เราจ่ายค่าเข้าอุทยาน จะมีรถม้าจอดอยู่ ใครอยากนั่งขึ้นไปก็ได้ หรือจะเดินขึ้นไปก็ได้ ถ้านั่งรถม้าขึ้นไปจะมีราคาคนละ 70 zł แต่ขาลง 50 zł รถม้าจะไม่ได้จอดถึงทะเลสาบเลย แต่จะจอดใกล้ๆ ตอนเดินอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร
เราสองคนตัดสินใจเดินขึ้น และจะใช้รถม้านั่งขาลง เพราะ Mini bus กลับเข้าเมือง Zakopane เที่ยวสุดท้าย 6 โมงเย็น ต้องรีบลงเขา เดี๋ยวไม่ทัน เราเริ่มเดินประมาณบ่ายโมงกว่า กว่าจะถึงทะเลสาบก็สี่โมงแล้ว ใช้เวลาเดินประมาณสามชั่วโมง (ถ้าเดินแบบไม่หยุดก็จะประมาณสองชั่วโมงครึ่ง ระยะทาง 8 กิโลเมตร) เพราะมีหยุดถ่ายรูปบ้าง และมีแวะเข้าห้องน้ำ (ด้านบนจะมีห้องน้ำให้เข้าสองจุด จุดแรกเป็นห้องน้ำแบบตู้ๆ สาธารณะ อีกจุดเป็นอาคารที่มีร้านอาหาร) 🚾

ทางเดินช่วงแรกจะเป็นถนนยาวๆ ชันไม่มาก ตรงกลางถนนจะไม่มีหิมะ เดินได้สบายเลย แต่ระวังอย่าไปเดินขอบๆ ตรงมีหิมะ เพราะด้านนึงเป็นท่อระบายน้ำ อีกด้านเป็นหน้าผาลงไป ลื่นที คือจบเลยนะ ชีวิตเนี่ย จบเลย 😂
พอช่วงหลังจะเป็นทางเดินที่ทำจากหิน สูงชัน แอบเหนื่อยจุดนี้ และลื่นมาก ต้องจับราวบางจุดเลย 😫
ข้างทางวิวดีมาก ถ่ายรูปเล่นได้ตลอดทางเดินเลย 
มีลำธารบ้าง มีน้ำตกบ้าง
มีป่าทึบบ้าง
หิมะตกเกือบตลอดการเดินทางเลย ทางเดินก็มีลื่นบ้าง จะบอกว่าระหว่างเราเดินขึ้นไป ไม่ค่อยหนาวเลย ทั้งๆ ที่ใส่เสื้อผ้าไม่ได้หนาพอ แต่คงเพราะออกกำลังกายอยู่จากการเดินขึ้น ร่างกายเผาผลาญ เลยไม่หนาว แต่พอมาหยุดเดิน ตอนมาถึงตรงทะเลสาบแล้ว อือหืมมมม บอกเลย ทำไมมันหนาวจัง! หนาวจนสั่น จนปวดตัวเลยแหละ 😶 ตรงด้านหน้าทะเลสาบมีรีสอร์ทอยู่หลังนึง ถ้าหนาวมากๆ ก็ขอเข้าไปด้านในก็ได้
เราเดินเล่นบริเวณทะเลสาบไม่นานประมาณ 30 นาที มีเอาโค้กไปแช่เย็นบ้าง กินขนมที่พกมาบ้าง ภาพที่เราถ่ายมันคือ ทะเลสาบนะ❗ แต่เป็นน้ำแข็งหมดเลย ไปเดินเหยียบได้ แต่ระวังๆ หน่อย บางจุดอาจแตกได้ ให้เดินตามทาง ที่คนใช้เดินกันนะ อย่าไปเดินนอกเส้นทาง
เราอยากอยู่นานกว่านี้ ยังอยากเดินไปทางเขาอีกด้านของทะเลสาบ แต่เวลามีจำกัด เรามาถึงทะเลสาบสี่โมงแล้ว แล้วรถมินิบัสเที่ยวสุดท้าย 6 โมง กว่าจะลงไปอีก เพราะต้องเดินลงไปที่จอดรถม้าอีก 1.5 กิโลเมตรได้ ขาลงเรานั่งรถม้า เพราะใช้เวลาเร็วกว่ามากประมาณ 50 นาที แต่ถ้าเดินลงจะประมาณสองชั่วโมงกว่า ถ้าใช้เส้นทางเดิมกลับลงไป มีไม่ทันรถบัสสุดท้าย กลายเป็นหนาวตายแถวนั้นแน่ ระหว่างนั่งรถม้า คือ สั่นเจ้าเข้าไปเลยจ้า 😂 เพราะว่านั่งเฉยๆ ร่างกายไม่เผาพลังงาน มันหนาวมาก ลมโต้เข้าที่ตัว สั่นไปหมด ผ้าห่มที่คนขับรถม้าให้มาไม่ช่วยไรเลยจ้า กว่าจะถึงด้านล่าง ปวดทั้งตัว เพราะเกร็งไปหมด
รถม้าลงมาถึง 6 โมงนิดๆ หัวใจจะวาย โชคดีรถบัสออกเลทหน่อย เหมือนรู้ว่าจะมีคนมาช้า 55555 รถก็ออกประมาณ 6.10 น. จ่ายค่ารถกลับไปเมืองราคาเดิม 15 zł รถมินิบัสมาจอดที่เดิมที่เราขึ้นตอนแรก แล้วใกล้ๆกันจะมีรถบัสไปเมือง Kraków เราก็รีบวิ่งขึ้นไป เพราะรถบัสกำลังออกเลย แล้วถ้ารอคันต่อไปก็ประมาณ 25 นาที เป็นบัสรอบสุดท้ายตอน 19.10 น. โชคดีเขายังเปิดให้เราได้ขึ้นได้ ก็จ่ายกับคนขับราคาเหมือนกับขามา 28 zł แล้วเราก็หลับยาววววว😴 จนถึง Kraków ตอนสามทุ่มกว่าๆ เหนื่อยมากจ้า 

มีชีวิตปลอดภัย ถึงโดยสวัสดิภาพ ราตรีสวัสดิ์😁 ไม่แข็งตายกลางหุบเขา

ค่าใช้จ่าย

ค่าตั๋วบัสไปกลับ Kraków - Zakopane 56 zł (432 บาท)
ค่าตั๋วบัสไปกลับ Zakopane - Morskie Oko 30 zł (235 บาท)
ค่ากิน 41.08 zł (322 บาท)
ค่ารถม้าขาลง 50 zł (393 บาท) ค่าไป 70 zł (550 บาท)
ค่าเข้าอุทยาน Tatra National Park 8 zł (62 บาท)
*ใช้เรท 7.86 บาท ต่อ 

สิ่งที่อยากบอก

  • พกเงินสดไปด้วยนะ 
  • ตอนเดินเขา จะมีขี้ม้าอยู่ มีกลิ่นส่งมาถึงจมูกบ้าง โดยเฉพาะช่วงรถม้าผ่าน
  • นั่งรถม้า อย่านั่งใกล้ม้า หรือ ด้านในสุดเป็นอันขาด เพราะระหว่างม้าวิ่งจะมีขี้บ้าง แล้วลมอาจจะพัดกลิ่นหรือละอองมาใส่คุณได้ เพื่อนเราหนุ่มฮ่องกงนี่โดนเต็มๆ 😂
  • เตรียมร่างกายให้พร้อม เดินเขาระยะทางไกลพอสมควร 8 กิโลเมตร ถ้าไปกลับก็ 16 กิโลเมตรเลย
  • ไม่แนะนำให้มาเดินเขาคนเดียว เพราะที่นี่ระยะทางเดินเขาไกล และโดยรอบก็ไม่ได้มีร้านอะไรเลย แล้วถ้าไปเดินช่วงคนน้อยๆ ถ้าเกิดเป็นอะไร คือ ไม่มีใครช่วยเลยนะ
  • ควรเช็คสภาพอากาศ และแต่งกายให้ถูกต้อง อย่าแต่งตัวแบบเรานะ ไม่ไหวจริงๆ หนาวสุดขั้ว แต่ว่าเรามาแล้วต้องไปให้สุด เราไม่กลัวเพราะว่าเรามีเพื่อนคนฮ่องกงที่แต่งตัวไม่ต่างจากเรา ร่วมทริปร่วมผจญภัยไปด้วยกัน 5555 (ภาพด้านล่าง คือ สภาพการแต่งกายของเราที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลมาให้ดีก่อน) อ๋อ วันที่เราไปนะ คือ 16 เมษายน 2022 เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่บนยอดเขานี้ หิมะยังตกอยู่


ติดตามต่อได้ในตอน Morskie Oko Zakopane, Poland (ทะเลสาบมอร์สเกี๊ยะโอโกะ สโกเปีย, โปแลนด์)