บันทึกการเดินทางรอบยุโรปของผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ ตอนที่ 3 Nice, France & Monaco (นีซ, ฝรั่งเศส และราชรัฐโมนาโก)

บันทึกการเดินทางรอบยุโรปของผู้หญิงเอเชียตัวเล็กๆ 
ตอนที่ 3 Nice, France & Monaco (นีซ, ฝรั่งเศส และราชรัฐโมนาโก)
44 วัน 20 เมือง 16 ประเทศ
ตอนที่ 3 จาก 17

สารบัญของบันทึก 

1. เตรียมความพร้อม
2. Barcelona, Spain (บาร์เซโลน่า, สเปน) [3 คืน]
3. Nice, France & Monaco (นีซ, ฝรั่งเศส และราชรัฐโมนาโก) [3 คืน]
4. Milan, Italy & Lugano Switzerland (มิลาน, อิตาลี และลูกาโน่ สวิสเซอร์แลนด์) [2 คืน]
5. Venice, Italy (เวนิส, อิตาลี) [2 คืน]
6. Ljubljana & Bled, Slovenia (ลูบลิยานา และเบลด, สโลวีเนีย) [3 คืน]
7. Zagreb, Croatia (ซาเกร็บ, โครเอเชีย) [2 คืน]
8. Budapest, Hungary (บูดาเปสต์, ฮังการี) [3 คืน]
9. Vienna, Austria & Bratislava, Slovakia (เวียนนา, ออสเตรีย และบราติสลาวา, สโลวาเกีย) [3 คืน]
10. Prague, Czech Republic (ปราก, สาธารณรัฐเช็ก) [4 คืน]
11. Kraków, Poland (คราคูฟ, โปแลนด์) [6 คืน]
12. Morskie Oko, Zakopane, Poland (ทะเลสาบมอร์สเกี๊ยะโอโกะ สโกเปีย, โปแลนด์) [0 คืน]
13. Berlin, Germany (เบอร์ลิน, เยอรมัน) [3 คืน]
14. Hamburg, Germany (ฮัมบูร์ก, เยอรมัน) [3 คืน]
15. Amsterdam, Netherlands (อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์) [2 คืน]
16. Antwerp, Belgium (แอนต์เวิร์ป, เบลเยี่ยม) [2 คืน]
17. Luxembourg City, Luxembourg (ลักเซมเบิร์ก, ราชรัฐลักเซมเบิร์ก) 
[2 คืน]

อยากให้อ่านก่อน

บันทึกนี้เล่าโดย K.Natri เป็นการเล่าจากประสบการณ์ตรงของเราเอง โดยการเล่าเรื่องได้ใช้ความรู้สึก ความคิดเห็นของเราแต่งเติมเข้าไปในเนื้อหา เพื่อเพิ่มอรรถรสในการเล่าเรื่อง นอกจากนี้เราได้รวบรวมข้อมูลบางส่วนที่ได้มาจากการอ่านในเว็บไซต์ต่างๆ ตามบอร์ดในสถานที่จริง และจากการฟังมาจากไกด์ รวมทั้งคนท้องถิ่น เพื่อนำมาบรรยายให้ดูมีความรู้ขึ้น 😁

สำหรับการท่องเที่ยวยุโรปครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของเราเลยที่ได้เที่ยวประเทศในยุโรป (ไม่รวมฝรั่งเศสที่มาเรียนต่อในยุคโควิด) และเป็นการเดินทางคนเดียวตั้งแต่ครั้งแรกเลย ดังนั้นเรายังไม่มีประสบการณ์ท่องเที่ยวในยุโรปดี แต่เราพยายามเก็บทุกที่ที่ไปได้และอยากไป เพราะไม่รู้จะมีโอกาสได้เที่ยวแบบนี้อีกเมื่อไร สำหรับทริปนี้เราไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยวช่วงตอนกลางคืน เราเป็นแค่ผู้หญิงเอเชียตัวเล็กคนเดียว ยังไม่กล้ามากพอ ขอเซฟตัวเองก่อนนะ และในทริปนี้เราพยายามเลือกไปสถานที่ธรรมชาติมากกว่าสายมิวเซียม เพราะเป็นคนไม่อินกับมิวเซียมและศิลปะนัก ค่อนข้างแนวสายลุยๆ มากกว่า 💚

มุ่งสู่ Nice & Monaco จาก Barcelona

ในตอนนี้เราขอรวมสองเมืองสองประเทศเข้าด้วยกันเลย! เพราะว่าหากมาเที่ยว Nice (อ่านว่า นีซ) แล้ว อย่าพลาดที่จะ One day trip ไป Monaco เพราะของมันมาคู่กัน❗ เราเดินทางจาก Barcelona ไป Nice โดยใช้รถบัสของ Flixbus จากสถานี Barcelona Nord ไปถึงสถานี Nice Aeroport Terminal 2 ราคาแอบแพงไปหน่อยตอนที่เราซื้อ ตั้ง 42.98 Euro เพราะว่าช่วงวันเวลาที่เราไป ค่อนข้างแพง แล้วซื้อตอนใกล้ๆ วันเดินทางแล้วด้วย จริงๆ มีตั๋วที่ถูกกว่าครึ่งนึงเลย คือ ปกติราคาเริ่มต้นที่ 19.99 Euro แต่ว่าเราไม่สะดวกวันเวลานั้น แล้วไม่มีทางเลือกแล้ว ต้องเดินทางวันนี้ เลยต้องทำใจซื้อราคานี้ 😢 

เราใช้บัสเดินทางในครั้งนี้ เพราะสะดวกกว่า เนื่องจากถ้าใช้ตั๋วรถไฟของ Eurail Pass จะไม่มีแบบ Direct train และยังต้องจองที่นั่งอีก 44 Euro กรณีเลือกแบบเปลี่ยนหนึ่งเที่ยวที่เมือง Lyon หรือจองที่นั่งแบบราคา 34 Euro กรณีเลือกเปลี่ยนสองเที่ยวที่เมือง Narbonne และ Marseille อีกทั้งเวลาที่ใช้เดินทางก็ 10 ชั่วโมงขึ้น พอๆ กันเลยกับทั้งรถไฟและรถบัส ดังนั้นเราเลยเลือกรถบัส นอนยาวๆ เลยดีกว่า ขี้เกียจเปลี่ยนขบวนไปมา และไม่อยากนั่งรถไฟยาวๆ ด้วย เพราะว่าลุกไปเข้าห้องน้ำลำบาก เนื่องจากช่วงเดินทางใหม่ๆ แอบหลอนๆ 😨 กลัวว่ากระเป๋าเดินทางจะหาย เคยอ่านเจอในเว็บมาว่า มีคนกระเป๋าเดินทางหายบนรถไฟเลย อ่า…เราก็เลยวิตกกังวลแบบเวอร์วัง 55555😂 เลยไม่กล้าลุกไปเข้าห้องน้ำ แต่ถ้านั่งรถบัส กระเป๋าทุกคนถูกเก็บไว้ใต้ท้องรถบัส แล้วรถบัสยังมีแวะจอดปั๊มให้เดินเล่น ซื้อของกิน เข้าห้องน้ำได้ ตัวรถบัสเองก็มีห้องน้ำในตัวให้ใช้ได้เหมือนกัน เราคิดว่าถ้าเราเดินทางคนเดียวเราเลยแอบชอบรถบัสมากกว่า เบาะนั่งก็นิ่มกว่า เอนได้ด้วย 

การเดินทางครั้งนี้เป็นการนั่งบัสที่นานมาก เวลาตามตารางคือ 10 ชั่วโมง 5 นาที (9:45 น. – 19:50 น.)  แต่จริงๆ นานกว่านั้น เพราะพอรถบัสจอดที่เมือง Marseille มีตำรวจมาล้อมรถบัสเต็มเลย แอบมีกังวลเล็กๆ😓 คือ ก่อนเดินทาง มีคนเตือนว่าเวลาพักโฮสเทล ระวังรูทเมทแอบซ่อนยาไรงี้ เราก็อ่า ยิ่งกังวลๆอยู่ เพราะยังเพิ่งเริ่มเดินทางช่วงแรกๆ 5555 ตำรวจบอกให้ทุกคนลงจากรถด้านหน้ามาทีละคน น้องหมาก็ดมๆ แล้วตำรวจก็ขอดูพาสปอร์ต แต่พอเห็นว่าพาสปอร์ตไทย ก็ไม่ได้เปิดดูพาสปอร์ตเราเลย แต่กลับกันเห็นพาสปอร์ตจากประเทศอื่นเปิดดูกันวนไปมาเลย ก็เลยเอาเรื่องนี้มาคุยกับเพื่อนที่เป็นคนฝรั่งเศส เขาบอกว่าก็ตรวจพวกคนที่มาจากทางสเปน ว่าขนยากันมาไหม ส่วนเราเอเชีย คงไม่บ้ามาขนยาอะไรแถวนี้ 555555 😂 จากนั้นก็นั่งมาถึงสนามบินนีซสักที สองทุ่มกว่าได้ๆ รถบัสจอดตรงใกล้กับ Tram เลย ก็ซื้อตั๋ว Tram ตรงตู้กดบริเวณนั้น แล้วก็นั่งไปที่พัก 

เราพักที่ไหนใน Nice

เราพักที่ Villa Saint Exupery Beach อยู่ตัวเมืองเลย เดินทางสะดวกมากๆ และเดินออกไปชายหาดได้สะดวกมากๆ ราคา 3 คืน ตั้งแต่ 23 - 26 มีนาคม รวมภาษี อยู่ที่ 59.49 Euro เป็น Female Dorm แบบ 4 คน ตอนเราไปถึงก็มีรูทเมทอยู่แล้ว 3 คน จะบอกว่าคืนแรกทรมานหูมากกกกกก😣 รูทเมทที่นอนข้างล่างเตียงเรากรนเสียงดังมาก แบบถ้าห้องสั่นได้ คงสั่นแล้ว แอบขำอย่าง คนที่นอนด้านบนอีกฝั่งถึงกับถอนหายใจไปล้านรอบได้ และลุกไปปลุกคนนั้นอยู่สองรอบได้ กว่าค่ำคืนนั้นจะผ่านไป ดูเวลาสุดท้ายก่อนหลับก็ประมาณตีสองแล้ว 😭
ห้องน้ำที่นี่คือดีมากๆ เหมือนในโรงแรมเลย เป็นห้องน้ำในตัวห้องนอนเลย สะอาดและกว้างมากๆ
ส่วนข้อเสียข้อโฮสเทล คือ ไม่มีห้องครัวกลางให้ใช้ แต่ว่าจะมีร้านอาหารผสมบาร์ของโฮสเทลเอง ซึ่งอยู่ตึกถัดมา และมีชั้นสองเป็นโซนนั่งเล่นที่มีโซฟา โต๊ะทำงานพร้อมปลั๊กให้ได้ใช้ แล้วก็มีบริการซักผ้าด้วย ซึ่งเราใช้บริการไป 8 Euro (ที่เราซักผ้าเมืองที่สองเลย จริงๆ ก่อนหน้านี้มีไปนอนเมืองอื่นมาก่อน แต่ไม่ได้เอามารวมในแผนนี้ เพราะยังไม่ได้เริ่มต้นเที่ยวจริงๆ)

เราไปไหนมาบ้างใน Nice

Place Masséna เป็นจัตุรัสกลางเมืองที่โดดเด่นด้วยตึกสีแดงล้อมรอบ และพื้นถนนลายตาราง เป็นจุดนัดพบที่สำคัญเพราะเป็นจุดกึ่งกลางระหว่างแหล่งช้อปปิ้งและทางเดินไปชายหาด บริเวณนี้จะมีเสาสูงและมีรูปปั้นคนด้านบน 7 เสา เป็นสัญลักษณ์แทน 7 ทวีป พอกลางคืนรูปปั้นคนจะส่องสว่าง มีหลายสีเลย


Fontaine de Soleil อยู่ตรงจัตุรัสกลางเมือง เป็นน้ำพุที่ตรงกลางเป็นรูปปั้นของเทพอพอลโล


Cours Saleya เป็นตลาดที่มีดอกไม้ ผลไม้ ของประดับวางขาย ตัวตลาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่บริเวณรอบๆตลาด มีซอกซอยที่เต็มไปด้วยร้านขายของ และร้านอาหาร ให้ได้เดินชม เดินหาของกินกัน


Old Town Nice เป็นที่ตั้งของตลาด Cours Saleya เลย ถ้าเราเดินมาจากจัตุรัสจะเจอตลาดก่อน และเดินเข้าไปอีก จะมีพวกตรอกซอยลึกเข้าไปอีก ที่มีร้านอาหาร และร้านขายของ


Château Hill Viewpoint จากนั้นเราก็เดินต่อไปที่จุดชมวิวบนเนินเขา ไม่ได้ไกลกันกับตลาด เมืองนีซเป็นเมืองที่ไม่จำเป็นต้องใช้รถสาธารณะเลย เดินได้หมด เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่มีชายหาดทอดยาว เราก็เดินขึ้นบันไดไปยังจุดชมวิว ซึ่งด้านบนจะมีปราสาทอยู่ และจะมองเห็นวิวของชายหาดนีซที่ทอดยาวออกไป


#ILOVENICE จากนั้นเราก็ลงมาถ่ายภาพที่จุดถ่ายภาพ อยู่ตรงทางบันไดทางขึ้นไปจุดชมวิว ลักษณะจะเป็นที่โล่งๆ มีแค่ตัวอักษร # I LOVE NICE ตั้งอยู่


Promenade Des Anglais เป็นเส้นทางเดินริมชายทะเลที่ทอดยาวตามชายหาดนีซ เนื่องจากเป็นถนนที่ค่อนข้างกว้าง จึงเป็นที่วิ่งออกกำลังกาย และมักมีคนเล่น roller skaters กับ skateboards เช่นกัน เดินบนถนนนี่ก็ระวังๆ เพราะตอนเราเดินถ่ายภาพเรื่อยๆ ไม่ทันมองเอง ก็จะมีเดินไปชนคนที่วิ่งมาอยู่บ้าง
บางคนก็มานั่งชมวิวกันเรื่อยๆ คนที่นี่รักแสงแดด ไม่กลัวแสงแดดกันเลย 🌞


Notre-Dame de l’Assomption จากที่เดินเล่นเลียบชายหาดเสร็จ ก็เดินกลับมาที่จัตุรัสกลางเมือง และเดินไปทางย่านช้อปปิ้งก็จะมีโบสถ์ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ ค่าเข้าฟรี แต่ตอนเราไปมันล้อมรั้วไว้หมด เงียบมาก ไม่มีคนเดินเข้าไปเลย ก็คือ ปิดนั่นเอง


สำหรับคืนที่สองในนีซ ค่อยยังชั่วหน่อย รูทเมทคนที่กรนเสียงดัง check out ออกไปแล้ว คืนนี้คงหลับสบายใจ ในตอนเย็นก็มีรูทเมทใหม่มา ซึ่งก็ได้เป็นเพื่อนเดินเล่นกับเราในตอนเย็น เป็นคนจีนที่มาเรียนอังกฤษตั้งแต่ไฮศคูลจนตอนนี้เรียนมหาลัยอยู่ นางมักชอบทิ้งแล็ปท็อปไว้บนเตียง และไม่ล็อคล็อคเกอร์ เราต้องเตือนนางตลอดว่า อย่าทิ้งไว้แบบนี้ มันไม่ปลอดภัย (รับบทคนคอยตักเตือนไปอีก 55555 ทำแบบตัวเองมีประสบการณ์มา จริงๆคือ เพิ่งเริ่มต้นเลย 55555555 หรือ เพราะเราขี้ระแวงเกินไป 😅 แต่มันก็กันไว้ดีกว่าแก้)

มุ่งสู่ Monaco จาก Nice แบบ One day trip

การเดินทางจาก Nice ไป Monaco โดยขนส่งสาธารณะมี 2 วิธี คือ รถไฟกับรถบัส เราเลือกรถบัสเพราะถูกกว่า แต่ว่าช้ากว่า ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้รีบ แล้วรถบัสก็จอดที่ป้ายในตัวเมืองเลย แต่ถ้ารถไฟจะต้องเดินอีกหน่อย ถ้าราคารถบัสไปกลับอยู่ที่ 3 Euro แต่รถไฟจะ 6.20 Euro 

วิธีการนั่งรถบัสจาก Nice ไป Monaco ให้ซื้อตั๋วเฉพาะขาไปเท่านั้น! ที่ตู้กดซื้อตั๋ว โดยจะตั้งอยู่ตามสถานี Tram ในเมืองนีซ ให้เลือกแบบ Ticket Azur โดยประเภทนี้สามารถใช้ไป Monaco ได้ 1 รอบ และใช้ภายในนีซได้ 1 ครั้ง ภายใน 2 ชั่วโมงครึ่ง ดังนั้นแนะนำให้ใช้ตั๋วประเภทนี้นั่ง Tram ไปลงสถานี Port Lympia และตั๋วใบเดียวกันนั่งบัสไป Monaco ได้เลย ส่วนขากลับ คนขับรถบัสที่โมนาโก จะไม่ให้ใช้ตั๋วที่เราซื้อจากนีซ เราต้องซื้อใหม่ เพราะเขาบอกว่ามันคนละเมืองกัน โดยก็มีราคาเท่ากัน คือ 1.5 Euro จ่ายเงินกับคนขับได้เลย 

ป้ายรถบัส 100 MENTON ตั้งอยู่ Le Port ของนีซ บริเวณถนนด้านหลังของ Église Notre Dame du Port de Nice ตรงหัวมุมของถนน Rue Fodéré กับ Rue Pacho ก็จากเมืองให้นั่ง Tram มาลงสถานี Port Lympia แล้วเดินมาขึ้นรถบัส โดยรถบัสมีหลายรอบตลอดวัน ดังนั้นจะมาตอนไหนก็ได้ แต่จะบอกว่าถ้าเลือกมารถบัส คนจะค่อนข้างเยอะหน่อย อาจจะมียืนบ้าง ถ้าไม่อยากยืน ก็รอต่อแถวเที่ยวต่อไปเอา ขาไปแนะนำให้นั่งทางขวา และขากลับทางซ้าย เพราะจะเห็นวิวที่สวยมากๆ ใช้เวลาไปถึง Monaco ป้ายแรกประมาณ 30 นาที
จากป้ายแรกที่ขึ้น คือ Le Port (Nice) แล้วเราก็แวะไปลงป้าย Hotel De Ville (Cap d’Ail) ก่อน ใครไม่อยากแวะชมชุมชนเล็กๆนี้ ก็ไปลงป้ายแรกของ Monaco ได้เลย คือ Place D'Armes - A (Monaco) เราเลือกแวะที่นี่ก่อนไปโมนาโก เพราะอยากได้ภาพวิวทะเลมีเขาสวยๆ จากที่ดูในเน็ตมา นั่นคือ Pointe des Dounaniers ลักษณะเป็นแผ่นดินที่ยื่นออกไป โดยบริเวณนี่ถูกทำเป็นสวนสาธารณะ มีคนวิ่งออกกำลังกาย และที่สำคัญมีแมวอ้วน 4 ตัวเป็นเจ้าถิ่น น่ารักมาก 😺 พอถ่ายรูปเสร็จเราก็กลับไปขึ้นป้ายเดิมที่ลงมา มุ่งสู่ Monaco

เราไปไหนมาบ้างใน Monaco

ขอเกริ่นเกี่ยวกับ Monaco ก่อน เผื่อบางคนไม่รู้จัก โมนาโกเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กเป็นอันดับสองของโลก มีประเทศเพื่อนบ้านเป็นฝรั่งเศสล้อมรอบ โดยห่างจากอิตาลีประมาณ 15 กิโลเมตร และมีอีกด้านติดทะเล ภาษาราชการ คือ ภาษาฝรั่งเศส แต่คนที่นี่พูดภาษาอังกฤษได้ดี ประเทศนี้เต็มไปด้วยรถซุปเปอร์คาร์ และบ้านพักตากอากาศสุดหรูของมหาเศรษฐีทั่วโลก นั่นก็เพราะว่าไม่มีการจัดเก็บภาษีรายได้ และภาษีมรดก พูดคนที่นี่เดินถือกระเป๋า แต่งตัวใช้แบรนด์เนมกันเต็มทั่วท้องถนน หากอยากหาแฟนรวยๆ สักคน ลองมาเดินเล่นแถวนี้สิ 😁


Le Palais des Princes de Monaco ป้ายแรกที่ลงจะอยู่ใกล้กับพระราชวังเจ้าชายโมนาโก เราก็เดินหลงไปมา กว่าจะเจอทางเดินขึ้นไปพระราชวัง เพราะว่าภูมิประเทศที่นี่ เป็นแบบที่สูงต่ำไปมา ทำให้ไม่สามารถเดินตัดตรงๆ ได้ ต้องหาทางอ้อมไปมา มาเมืองนี้ Google maps ไม่ค่อยได้เรื่อง แนะนำให้ใช้ Citymapper พระราชวังโมนาโกจะตั้งอยู่บนหน้าผาที่สูง มองเห็นทิวทัศน์เมืองด้านล่าง สามารถเข้าเยี่ยมชมพระราชวังได้ มีค่าเข้าราคาปกติที่ 8 Euro
บ่ายเศษๆ เริ่มหิวแล้ว เดินหาอะไรกิน หน้าพระราชวัง จะมีตรอกซอกซอยหลายซอยที่ด้านในจะมีร้านค้า ร้านของขายอยู่ มีร้านอาหารราคาถูกที่เราไปจัด ชื่อว่า Le Kiosque A Sandwiches เราซื้อจับคู่แซนวิชกับน้ำโค้กอยู่ที่ 8 Euro
กินเสร็จก็กลับมาทางพระราชวังเดินออกไปทางขวา จะมีที่ถ่ายภาพเห็นวิว Le Port จะบอกว่าสวยมากๆ สำหรับเราเป็นวิวที่ดีที่สุดของ Monaco เลย


Le Port จากนั้นเราก็เดินไปท่าเรือ มุ่งไปทาง Casino เพราะจะนั่งบัสกลับเมืองนีซจากป้ายที่ Casino ก็เดินสองสามชั่วโมงได้ เดินชมย่าน Old Town ไปด้วย แล้วก็แวะทางนั้น นู้น นี้ระหว่างเดิน แล้วตอนระหว่างเดิน ก็มีผู้ชายตามท่าเรือออกกำลังกายให้ได้ชม 55555555
ทางเดินโมนาโกส่วนใหญ่เป็นที่ลาดชัน เดินไปก็มีเหนื่อยนะ แต่จริงๆ บางจุดมีลิฟต์ มีบันไดให้ใช้ด้วย แต่เราหาไม่เจอสักที เลยเดินทางลาดชันเนี่ยแระ


Monte Carlo Casino เป็นคาสิโนที่สำคัญที่สุดใน Monaco ด้านหน้าคาสิโนมีรถซุปเปอร์คาร์จอดเต็ม แต่จริงๆ ทุกที่ที่ไปก็มีแต่รถหรูหราเต็มไปหมดเลย วันที่เราไปด้านหน้าคาสิโนมีรถซุปเปอร์คาร์คันสีแดงจอดอยู่ ที่มีหลายคนรุมถ่ายรูป เราก็ถ่ายเหมือนกัน รถใครไม่รู้ 🚗
อันนี้เป็นภาพด้านหน้าคาสิโน💰

     แล้วเราก็ลา Monaco เดินไปที่ป้าย Monte Carlo (Casino) จะเดินผ่านย่านช้อปป้งพวกร้านแบรนด์เนมถึงอยู่ด้านหน้าคาสิโน เราก็เดินไปขึ้นรถบัส 100 MENTON กลับเมือง Nice ซึ่งจะไปจอดป้ายเดิมที่เราขึ้นมาตอนแรก ขากลับต้องซื้อตั๋วกับคนขับรถเท่านั้น ไม่สามารถใช้ตั๋วที่ซื้อจาก Nice จ่ายได้

สถานที่อยากแนะนำ นอกเหนือจากที่เราไป 

Villefranche Fishing Village and Beach นั่งรถบัสออกมานอกเมืองนีซประมาณ 10 นาที จะเห็นวิวอ่าวที่ครึ่งนึงเป็นทรายอีกครึ่งเป็นหินชายหาด
Cap d’Ail – Plage Mala นั่งรถบัสออกมากจากเมืองนีซประมาณ 20 นาที จะเห็นวิวหน้าผาและชายหาดเล็กๆ 
Eze Village หมู่บ้านบนยอดเขาใน Monaco ที่จะมองเห็นวิวชายหาด และมีสวนสำหรับจิบชานั่งชมบรรยากาศ

ค่าใช้จ่าย

ค่าจองรถบัสไปนีซ 42.98 Euro (1,555 บาท)
ที่พัก 3 คืน 59.49 Euro (2,153 บาท)
ค่ากิน 41.36 Euro (1,497 บาท)
ค่าโดยสารในเมืองนีซรวมทั้งไปโมนาโก 6 Euro (217 บาท)
*ไม่รวม Eurail Pass ที่เหมาจ่ายไป 356 Euro
** ใช้เรท 36.2 บาท

สิ่งที่อยากบอก

  • บางมื้อ ถ้าที่พักไม่มีครัว เรามักจะประหยัดค่ากินโดยซื้อแซนวิสแบบนี้มากิน อิ่ม อร่อย มีหลายไส้ มีทั้งแบบเย็นและร้อน ถ้าร้อนจะเรียกว่า Panini
  • Ticket Azur เป็นตั๋วรถบัสที่ใช้เดินทางจากเมือง Nice ไปยังปลายทางคือเมือง Menton ของฝรั่งเศส โดยเส้นทางรถบัส 100 MENTON จะผ่าน Monaco ซึ่งเราสามารถลงได้ ดังนั้นที่จะบอก คือ ให้ซื้อตั๋วประเภทนี้แค่ขาไปจากนีซ แล้วขากลับจากโมนาโกให้ซื้อกับคนขับรถ เพราะเราเคยโดนแล้ว ตอนแรกเราซื้อตั๋วนี้มาสองใบ เพราะกะจะใช้ทั้งไปและกลับ แต่คนขับรถบัสบอกว่าถ้าคุณจะใช้ตั๋วประเภทนี้ จะต้องขึ้นรถบัสที่เมืองของประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น นั่นคือ Nice หรือ Menton แต่คุณมาขึ้นรถที่ราชรัฐโมนาโก ดังนั้นคุณต้องซื้อตั๋วใหม่ ซึ่งเราก็จ่ายสดบนรถบัส มีใบเสร็จมาให้
  • จากความเห็นส่วนตัว ถ้าเดินทางคนเดียวเราชอบนั่งบัสมากกว่า เพราะว่า ได้เข้าห้องน้ำ เนื่องจากนั่งรถไฟแอบเป็นห่วงกระเป๋าเดินทาง 😂 แต่รถบัส กระเป๋าเดินทางเก็บใต้ท้องรถบัส แล้วอีกอย่างรถบัสที่นั่งเบาะนิ่มกว่า ปรับเอนได้ด้วย มีจอดปั๊มให้เดินเล่น ซื้อขนม เข้าห้องน้ำได้ ตัวในรถบัสเองก็มีห้องน้ำให้เข้า
  • น้ำขวดขนาดใหญ่จะมีราคาไม่ต่างกับขนาดเล็กเลย เผลอๆ ถูกกว่าด้วย เพราะว่าเขาซีเรียสเรียกรักษ์โลก ขวดเล็กสร้างขยะมากกว่า แต่จริงๆ น้ำก๊อกฝรั่งเศสดื่มได้เลย หรือถ้าจะซื้อน้ำขวดแนะนำให้ซื้อในซุปเปอร์มาเก็ต เพราะมีราคาถูกกว่าร้านขายของชำ 
  • ร้านอาหารฝรั่งเศส น้ำก๊อกฟรี หมดแล้วขอเพิ่มได้เลย
  • คนฝรั่งเศสไม่ค่อยพูดอังกฤษกัน ดังนั้นเตรียม Google Translate เลยจ้า 
 
ติดตามต่อได้ในตอน Milan, Italy & Lugano Switzerland (มิลาน, อิตาลี และลูกาโน่ สวิสเซอร์แลนด์)